เชื่อว่าผลงาน 2 นัด 2 แต้ม ของทีมชาติไทย ที่ลงเตะในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010” จากการเสมอลาว 2-2 และ เจ๊ามาเลเซีย แบบจืดสนิท 0-0 คงเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ในความรู้สึกของแฟนบอลชาวไทยเท่าไหร่นัก
จนหลายคนอาจจะสงสัยนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับทีมชาติไทยกันแน่ เพราะสถิติที่ผ่านมารายการนี้ ล่าสุด ทราบมาว่าไม่ชนะใครมา 4 นัดติดแล้ว เริ่มจากการเสมอและแพ้ เวียดนาม เหย้าเยือน ในรอบชิงชนะเลิศ ปี 2008 เกมแรกไทยเจ๊งคารัง (ราชมังคลาฯ) 1-2 ก่อนออกไปเสมอที่ถิ่นแดนเหงียน 1-1 ส่วนปีนี้ 2010 เสมอลาว , มาเลเซีย ตามลำดับ
ถ้าจำไม่ผิดยุคนั้น ปี 2008 ไบรอัน ร็อบสัน ยังไม่ได้มาคุมทีมชาติไทย แต่เป็น ปีเตอร์ รีด กุนซือมาดเฮี้ยบเลือดผู้ดี รับอาสากุมบังเหียนทัพช้างศึกอยู่
ไทย2-2ลาว
บอกตามตรงครับว่า บอลไทยยุค ปีเตอร์ รีด ดูดีมีอนาคตกว่านักเตะชุด ไบรอัน ร็อบสัน คุมทัพในปัจจุบันนี้มาก แม้ว่าจะได้แค่บทพระรอง รายการ “ซูซูกิ คัพ2008” ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นในแง่การคัดเลือกตัวนักเตะ และระบบการเล่นมันดูมีทรงและเนียนตาดีแท้ ในความรู้สึกคือพูดง่ายๆค่อนข้างหวังผลสกอร์การแข่งขันได้
ผิดกับยุคนี้ที่มี “ร็อบโบ้” นั่งแท่นเฮดโค้ช ซึ่งเรียนตามตรงเช่นกันว่า คาดหวังอะไรไม่ได้เลย เห็นด้วยกับข้อความที่โพสเข้ามาวิจารณ์บอลไทยจากเกมล่าสุด ที่เสมอมาเลเซีย แบบน่าเจ็บใจทั้งที่บุกแทบตาย ว่าลูกที่น่าจะยิงกับจ่าย ลูกที่น่าจะจ่ายกับยิงซะงั้น
ถึงตรงนี้สถานการณ์การคุมทีมชาติไทยของ “ร็อบสัน” คงจะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อเต็มที่ หรือเรียกอีกอย่างชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ไม่ปาน
ยิ่งการที่ “มิสเตอร์โอเค” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯออกโรงวิพากษ์ วิจารณ์ ตำหนิถึงผลงานทีมชาติไทยที่ไล่ตีเสมอลาว ว่าเสียหน้าอย่างแรงส์ ทั้งที่ศักยภาพทีมเหนือกว่า
แต่หากจะให้คิดแบบนี้ก็น่าจะดูถูกกันไปหน่อย เนื่องจากห้วงเวลาอดีต ปัจจุบัน อนาคต นั้นมันต่างกัน เพราะตราบใดที่โลกยังหมุนสิ่งต่างๆในโลกนี้ล้วนต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน
กลับกันไม่คิดบ้างเหรอว่าลาว บ้านพี่เมืองน้องของไทยเราเค้าก็มีสองเท้าเหมือนกัน ทำไมบ้านเค้าจะพัฒนาบ้างไม่ได้ เราเองต่างหากที่ยังอยู่กับที่ไม่พัฒนาไปไหน จนบัดนี้ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้-เหนือ ที่กำลังเปิดศึกสงครามยิ่งถล่มเกาะใส่กันสนั่นหวั่นไหว ยังแซงหน้าเราไปแล้วหลายร้อยขุม
อย่ามัวแต่จมปลักอยู่กับอดีตเลยครับ เพราะในวันพรุ่งนี้ มีแต่คำว่าอนาคตสำคัญสุดคือเป้าหมาย และการวางแผนว่าอยากจะให้ฟุตบอลไทย ก้าวไปทางไหน จุดไหนผิดพลาดก็ต้องเอามาปรับปรุง แก้ไข
สถานีต่อไป! คือคว่ำเจ้าภาพ "อินโดนีเซีย" ทีมนี้
วันอังคารที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลาทุ่มตรง ไทยยังเหลือเกมเตะนัดสุดท้ายพบกับ อินโดนีเซีย เจ้าภาพ ที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ 2 นัด ซัดกระจาย 11 ลูก
เขียนถึงตรงนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำคมของรุ่นพี่ “บับเบิ้ล” ที่เปรียบประดุจครูผู้หนึ่งที่เคยสอนงานด้านข่าวกีฬาให้กับ “ยอร์ดี้” สมัยเคยฝึกงานอยู่ โต๊ะข่าวกีฬา นสพ.คมชัดลึก พูดขณะดำเนินรายการ “เจาะสนามบอลไทย” คลื่นเอฟเอ็ม 99 ว่า “คนที่ไม่มีความหวังคือคนที่ตายไปแล้ว”
เชื่อมั๊ยคำๆนี้ยังก้องอยู่ในรูหู “ยอร์ดี้” อยู่เลย
ดังนั้น แฟนบอลไทยทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามในเมื่อเราเกิดเป็นคนไทย โปรดช่วยกันเชียร์ทีมชาติไทยต่อไปเพราะเชื่อและหวังเหลือเกินว่ากำลังใจจากคนไทย ร่วม 70 ล้านคน คงจะทำให้ทีมชาติไทยหักด่าน “อิเหนา” อินโดนีเซีย ลิ่วผ่านเข้าสู่รอบต่อไปฟุตบอล “ซูซูกิ คัพ” ได้ มาร่วมเชียร์ไทยเป็นกำลังใจด้วยกันครับ…
ป.ล.ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด เตรียมตัว “หวัง” พร้อมกันทั่วประเทศ coming soon.
เคดิต MTHAI.COM